Van Gogh Alive ที่ทุกคนรอคอยมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว! ในสเกลที่ใหญ่ที่สุดที่ทางทีมงานเคยทำ จัดขึ้นในคอนเซ็ปต์ I dream my painting, and then I paint my dream สะท้อนความสำคัญของศิลปะที่มีต่อชีวิตของ Van Gogh ซึ่งการวาดภาพคือช่วงเวลาเดียวที่เขารู้สึกมีชีวิตชีวาจริงๆ
พื้นที่จัดแสดงแบ่งเป็น 3 โซนหลักๆ ต้อนรับด้วย Exhibition Zone มีนิทรรศการแนะนำประวัติของ Van Gogh ผลงานที่เป็นไฮไลต์ของเขาและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผลงานนั้นๆ และมีการจำลองห้องนอนของ Vang Gogh มาให้ถ่ายรูปกันอย่างใกล้ชิดด้วย
ออกจากห้องนี้ก็จะเป็นโซนไฮไลต์อย่าง Gallery Hall ที่รวบรวมผลงานมาสเตอร์พีซทั้งภาพเขียน ภาพสเก็ตช์ ภาพพิมพ์ ที่ Van Gogh สร้างสรรค์ขึ้นในช่วงปี 1880-1890 มาจัดแสดงในรูปแบบ Immersive Multi-Sensory Experience โดยจะถูกฉายลงบนพื้นและกำแพงขนาดสูง 6 เมตร ประกอบเพลงคลาสสิกระบบเซอร์ราวนด์คุณภาพระดับโรงภาพยนตร์
เนื้อหาในห้องนี้จะแบ่งเป็น 6 แชปเตอร์ ไล่เรียงตามความลำดับเหตุการณ์ชีวิตของ Van Gogh เริ่มจากช่วงที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่เนเธอแลนด์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผลงานของเขายังเต็มไปด้วยความมืดมน ไล่เรียงมาจนถึงปารีสในยุคอิมเพรสชันนิสม์ที่เริ่มมีการใช้โทนสีที่มีความสดใสมากขึ้น โดย Van Gogh เคยอาศัยอยู่ทั้งย่าน Arles, Saint-Remy และ Auvers-sur-Oise และแชปเตอร์สุดท้ายคือ Self-Portrait หรือการวาดภาพเหมือนตัวเอง ซึ่ง Van Gogh ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินที่วาดภาพเหมือนตัวเองเยอะที่สุด ห้องนี้ต้องใช้เวลาดูประมาณ 40-45 นาที
ต่อที่โซน Van Gogh Old Town เมืองเล็กๆ ที่จำลองมาจากผลงาน Van Gogh แบ่งเป็น 4 ธีมคือ Fields, Starry Night, Countryside และ Garden ไฮไลต์คือห้องดอกทานตะวันและ Van Gogh Cafe ป็อปอัปคาเฟ่ที่ After You ออกแบบ 4 เมน
มาดูกันว่าวันนี้ทั้งกลางวันและกลางคืนมีอะไรน่าทำบ้าง ไม่ว่าจะเป็นอีเวนต์ ละครเวที ปาร์ตี้ เวิร์กช็อปหรือว่านิทรรศการศิลปะ