อีเวนต์น่าสนใจในกรุงเทพฯ วันนี้

Time Out รวมกิจกรรมและอีเวนต์น่าไปตั้งแต่เช้ายันค่ำวันนี้มาให้แล้วตรงนี้

เขียนโดย
Time Out Bangkok editors
การโฆษณา

มาดูกันว่าวันนี้ทั้งกลางวันและกลางคืนมีอะไรน่าทำบ้าง ไม่ว่าจะเป็นอีเวนต์ ละครเวที ปาร์ตี้ เวิร์กช็อปหรือว่านิทรรศการศิลปะ 

  • Things to do
  • เจริญนคร
Van Gogh Alive ที่ทุกคนรอคอยมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว! ในสเกลที่ใหญ่ที่สุดที่ทางทีมงานเคยทำ จัดขึ้นในคอนเซ็ปต์ I dream my painting, and then I paint my dream สะท้อนความสำคัญของศิลปะที่มีต่อชีวิตของ Van Gogh ซึ่งการวาดภาพคือช่วงเวลาเดียวที่เขารู้สึกมีชีวิตชีวาจริงๆ พื้นที่จัดแสดงแบ่งเป็น 3 โซนหลักๆ ต้อนรับด้วย Exhibition Zone มีนิทรรศการแนะนำประวัติของ Van Gogh ผลงานที่เป็นไฮไลต์ของเขาและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผลงานนั้นๆ และมีการจำลองห้องนอนของ Vang Gogh มาให้ถ่ายรูปกันอย่างใกล้ชิดด้วย ออกจากห้องนี้ก็จะเป็นโซนไฮไลต์อย่าง Gallery Hall ที่รวบรวมผลงานมาสเตอร์พีซทั้งภาพเขียน ภาพสเก็ตช์ ภาพพิมพ์ ที่ Van Gogh สร้างสรรค์ขึ้นในช่วงปี 1880-1890 มาจัดแสดงในรูปแบบ Immersive Multi-Sensory Experience โดยจะถูกฉายลงบนพื้นและกำแพงขนาดสูง 6 เมตร ประกอบเพลงคลาสสิกระบบเซอร์ราวนด์คุณภาพระดับโรงภาพยนตร์ เนื้อหาในห้องนี้จะแบ่งเป็น 6 แชปเตอร์ ไล่เรียงตามความลำดับเหตุการณ์ชีวิตของ Van Gogh เริ่มจากช่วงที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่เนเธอแลนด์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผลงานของเขายังเต็มไปด้วยความมืดมน ไล่เรียงมาจนถึงปารีสในยุคอิมเพรสชันนิสม์ที่เริ่มมีการใช้โทนสีที่มีความสดใสมากขึ้น โดย Van Gogh เคยอาศัยอยู่ทั้งย่าน Arles, Saint-Remy และ Auvers-sur-Oise และแชปเตอร์สุดท้ายคือ Self-Portrait หรือการวาดภาพเหมือนตัวเอง ซึ่ง Van Gogh ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินที่วาดภาพเหมือนตัวเองเยอะที่สุด ห้องนี้ต้องใช้เวลาดูประมาณ 40-45 นาที ต่อที่โซน Van Gogh Old Town เมืองเล็กๆ ที่จำลองมาจากผลงาน Van Gogh แบ่งเป็น 4 ธีมคือ Fields, Starry Night, Countryside และ Garden ไฮไลต์คือห้องดอกทานตะวันและ Van Gogh Cafe ป็อปอัปคาเฟ่ที่ After You ออกแบบ 4 เมน
  • Things to do
  • นิทรรศการ
  • เยาวราช
เตรียมออกเดินทางค้นหาความรักไปกับ Munins และ 8 ศิลปิน ได้แก่ Art Jeeno, Art of Hongtae, Chubbynida, Peachful, Toddyinthemood, Tum Ulit, Underhatdaddy และ Viput A.  ในนิทรรศการกลุ่มครั้งใหม่ที่จะพาทุกคนออกเดินทางผ่านงานศิลปะที่อาจทำให้คุณนึกถึงใครบางคนในความทรงจำ To the moon and (never) back นิทรรศการที่เปรียบเทียบการค้นหาความรักกับการเดินทางไปสำรวจบนดวงจันทร์อันไกลโพ้นของนักบินอวกาศผู้กล้า ซึ่งเป็นการเดินทางที่ท้าทาย เต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความหวัง ความฝัน ความสุข สมหวัง การรอคอย ความเคว้งคว้าง คลุมเครือ และความเจ็บปวด ชื่อนิทรรศการมาจากประโยค "I love you to the moon and never back" ที่สามารถตีความได้สองความหมาย ทั้งรักมาก มากเสียจนระยะทางไปกลับระหว่างโลกกับดวงจันทร์ไม่มีความหมาย หรืออีกความหมายหนึ่งที่ตรงข้ามนั่นคือรักอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว
การโฆษณา
  • Things to do
  • ตลาดและแฟร์
  • เจริญกรุง
เปิดแล้ววันนี้ป็อปอัปอีเวนต์จากดีสนีย์ ครั้งแรกในกรุงเทพฯ ที่ยกบรรยากาศพอได้ฟีลเสี้ยวหนึ่งของดีสนีย์แลนด์มาไว้บนพื้นที่ของ Asiatique กับงาน Disney 100 Village งานนี้เราว่าต้องยกความดีความชอบให้กับพื้นที่เดิมที่มีความเป็นโกดังท่าเรือริมน้ำ พอได้ความเป็นดีสนีย์มาแทรกอยู่ตามจุดต่างๆ ของพื้นที่เลยดูกลมกลืน เสมือนว่าพื้นที่จัดงานของดีสนีย์นั้นดูกว้างขวางและยิ่งใหญ่ แต่ถ้าให้เดินแบบจริงๆ ไม่ถึงชั่วโมงก็น่าจะครบเรียบร้อยแล้ว Disney 100 Village มาครบทุกตัวละครเด่นจากจักรวาลดีสนีย์ทั้ง Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars แบ่งออกเป็น 2 โซนหลักคือโซนที่ต้องซื้อตั๋วและโซนฟรี บริเวณทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาและทั่วทั้งเอเชียทีค จะมีหุ่นมิกกี้ เมาส์และมินนี่ เมาส์ ในธีมสงกรานต์ไทยตั้งเรียงรายอยู่ พร้อมตัวละครอื่นๆ ด้วย รวมถึง Disney Merchandise Hall ร้านขายของลิขสิทธิ์จากดีสนีย์ตั้งแต่กล่องดินสอถึงผ้าปูที่นอน ที่อยากพูดถึงคือไฮไลต์จากโซนที่ต้องซื้อตั๋ว เพราะสำหรับคนเป็นแฟนดีสนีย์ตัวจริงน่าจะชอบ ประกอบด้วย “Pixar Putt” ป็อป-อัปสนามกอล์ฟไซส์มินิ ที่มีตัวละครจาก Toy Story, Finding Nemo, Inside Out ฯลฯ คอยส่งเสียงเชียร์อยู่; “Frozen Exhibition” นิทรรศการแบบ Interactive พร้อมตัวละครจากเรื่องไปโผล่ตามจุดต่างๆ; “Marvel Universe” ที่ยกส่วนหนึ่งของจักรวาลมาไว้ในแต่ละห้องที่มีกิจกรรมแตกต่างกันไป ตั้งแต่แค่ยืนถ่ายรูปคู่กับตัวละคร เล่นเกมทั้งแบบล้ำๆ และแบบอาร์เคดวินเทจ จนถึงระบายสีตัวละครและไปโผล่บนจอขนาดใหญ่พร้อมเอฟเฟ็กต์พิเศษ; “Enchanted Garden” สวนดอกไม้เจ้าหญิงดีสนีย์ 12 ตัว 12 สี ที่บรรยากาศน่ารักเลยถ้ามาช่วงเช้าหรือเย็น เพราะกลางวันน่าจะร้อนเกินไป
  • Things to do
  • นิทรรศการ
  • เจริญกรุง
ศิลปินหญิง 4 คนที่พำนักอยู่ที่อินโดนีเซีย ได้แก่ Mella Jaarsma (เนเธอร์แลนด์), Maharani Mancanagara (อินโดนีเซีย), Citra Sasmita (อินโดนีเซีย) และ Natasha Tontey (อินโดนีเซีย) ชวนสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างร่างกาย เพศ และความยิ่งใหญ่ของวัฒนธรรมต่างๆ ในประเทศอินโดนีเซีย และเพื่อหาคำตอบว่าวัฒนธรรมดั้งเดิมได้รับการอนุรักษ์ ถูกท้าทายและแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงได้อย่างไร  ทั้ง 4 คน มาจากต่างที่อยู่ทั้งเกาะชวา สุลาเวสีทางตะวันตก บาหลี และสุลาเวสีทางตอนเหนือ ซึ่งเกาะแต่ละแห่งล้วนมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ มีวัฒนธรรมท้องถิ่นและความเชื่อที่แตกต่างกัน ตลอดจนมีการประกอบพิธีกรรมทางจิตวิญญาณและเรื่องราวการสืบทอดเชื้อสายทางมารดาที่ดำเนินคู่ขนานไปกับคตินิยมที่ให้เพศชายเป็นผู้นำ นิทรรศการ Body, Community, and Society: She is House นำเสนอผลงานทั้งในรูปแบบสื่อผสม วิดีโออินสตอลเลชั่น งานจิตรกรรมและงานเพอร์ฟอร์มานซ์ อันเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทางวัฒนธรรมซี่งก่อร่างจากขนบธรรมเนียมของท้องถิ่น ผลงานต่างๆ จะว่าด้วยการสำรวจความสำคัญของพิธีกรรมและร่วมมือกันเพื่อสนับสนุนหรือทำลาย และยังเป็นการเผยแพร่แนวคิดเกี่ยวกับร่างกายทั้งในแง่ของสรีระของมนุษย์ เชื่อมโยงกับบ้าน องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการตั้งคำถามถึงการวางรากฐานของลำดับชั้นทางสังคม  การปฏิรูปความรู้ทางด้านวัฒนธรรมและความเป็นไปได้ขององค์ความรู้ใหม่ที่พัฒนามาจากการยอมรับสิ่งที่ต่างออกไป นิทรรศการ  Body, Community, and Society: She is House เปิดให้เข้าชมฟรี วันนี้ - 2 กรกฎาคม 2566 ที่ 333Gallery, Warehouse 30 (ซอยเจริญกรุง 30) เปิดทุกวันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 11.00 น. – 18.00 น.
เรื่องเด่น
    เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ
      การโฆษณา